พระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ต่างกัน พระอาจารย์กล่าวว่า "#หลายคนบอกว่าพระพุทธเจ้าทรมานตนเสียเวลาเปล่า ๆ ไป ๖ ปี พระองค์ท่านไม่ได้เสียเปล่า เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ยิ่งกว่าทุก ๆ คนที่เคยทำมา ชื่อเสียงเกียรติคุณของพระองค์ท่านจึงเลื่องลือไปทั่ว ในเมื่อทรมานตนยิ่งกว่าใครแล้วทำไม่สำเร็จ เมื่อถึงเวลาพระองค์ประกาศมัชฌิมาปฏิปทา สามารถใช้พระองค์เองยืนยันได้ว่า "#เราทำมาแล้ว #ไม่ใช่หนทางแห่งความสำเร็จ" เพราะฉะนั้น...ไม่ใช่เรื่องที่เสียเวลาเปล่า #แต่เป็นการปฏิบัติที่ยืนยันผลว่าสิ่งนี้ใช้ไม่ได้" ถาม : เป็นเพราะการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องยากแบบนี้ ? ตอบ : ไม่ใช่...#มีบางองค์นี่แค่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นกับพระอาทิตย์ตกก็บรรลุเลย ไปดูในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ โดยเฉพาะอรรถกถาอธิบายไว้ทั้งหมด #ว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ต่างกันโดยประมาณ #ต่างกันโดยฉัพพรรณรังสี #ต่างกันโดยยานพาหนะที่ออกบวช #ต่างกันโดยบัลลังก์ฯลฯ แล้วเราจะเห็นว่า พระพุทธเจ้าของเรานี่ประเภทน้อยกว่าคนอื่นที่สุดทุกอย่างเลย มีอย่างแย่ ๆ #ที่สุดก็พระพุทธเจ้าพระนามว่านารท#เสด็จออกบวชด้วยการเดินเท้า #มีอยู่พระองค์เดียวบางพระองค์ขี่ช้าง ขี่ม้า เดินเท้า ไปด้วยยาน แล้วก็มีไปโดยปราสาท ปราสาททั้งหลังลอยไปเลย แล้วก็ปฏิบัติธรรมอยู่วันหนึ่งบ้าง ๒ วันบ้าง ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง อย่างแย่ที่สุดก็ ๓ เดือน #มีของเราเจอไป ๖ ปี ถาม : แล้วพระศรีอารัยเมตไตรย ? ตอบ : #สมัยของพระองค์ท่านคนนอกศาสนาไม่มีโอกาสมาเกิด ไม่ต้องเสียเวลาไปค้านกับของใครว่าใครไม่ดี ออกบวชวันนั้น บรรลุวันนั้น #สั่งสอนวันนั้นก็แทบจะไปกันหมด ไปดูเรื่องปัญจมหาวิโลกนะ ที่พระพุทธเจ้าท่านต้องพิจารณา ๕ อย่างแล้วถึงจะเสด็จมาตรัสรู้ #คราวนี้พระพุทธเจ้าของเราท่านเลือกในจังหวะนี้ก็อาจจะลำบากหน่อย ถ้าเป็นจังหวะอื่นก็ช้าเกิน เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.(หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
สิ่งที่ทุกพระองค์เหมือนกันคือธรรมทั้งหมดของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ที่ต่าง เช่น สภาพที่ท่านอธิษฐานเอาไว้ว่าจะให้มี ให้เป็น ในยุคสมัยที่ท่านบรรลุถึง และประกาศพระศาสนา และเศษวิบากทั้งกุศลและอกุศลที่จะปรากฏในพระชาตินั้น